ประวัติ คาเซมิโร่ สุดยอดมิดฟิลด์ตัวรับแห่งยุค

ประวัติ คาเซมิโร่ สุดยอดมิดฟิลด์ตัวรับแห่งยุค

        ประวัติ คาเซมิโร่ สุดยอดมิดฟิลด์ตัวรับแห่งยุค เดินทางมาถึงที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในฐานะหนึ่งในมิดฟิลด์ที่น่านับถือและได้รับการยอมรับจากแฟนบอลทุกคนทั่วโลก ว่าเป็นนักเตะในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในยุคของเขา หลังจากสร้างชื่อเสียงกับทีมสโมสรเรอัล มาดริด แห่งลาลีกา สเปน อย่างยิ่งใหญ่ในช่วงปี ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับกองกลางตัวรับ สัญชาติแซมบ้าผู้นี้กันเลย

ชื่อเต็ม : การ์รอส เอ็งริเก้ คาเซมิโร่ (Carlos Henrique Casimiro)

วันเกิด : 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992

สถานที่ : เซาโฌแซดุสกังปุส ประเทศบราซิล

สัญชาติ : บราซิล

ส่วนสูง : 1.85 เมตร

สโมสรปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ตำแหน่งที่เล่น : กองกลาง

สวมเสื้อเบอร์ : 18

ลงเล่น : 18

ยิงประตู : 1

ประคาเซมิโร่ ประวัติการเล่นในระดับสโมสรที่ผ่านมาของคาเซมิโร่

ค.ศ. 2010 – 2013 เซา เปาโล ลงเล่น 62 นัด ยิง 6 ประตู

ค.ศ. 2013 – 2022 เรอัล มาดริด ลงเล่น 221 นัด ยิง 24 ประตู

ค.ศ. 2022 – ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่น 18 นัด ยิง 1 ประตู

ประวัติ คาเซมิโร่ เส้นทางชีวิตการค้าแข้งของคาเซมิโร่

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2014 เขาได้เห็นทีมของเขาชูถ้วยแชมป์เปี้ยนส์ลีก ซึ่งเป็นความสำเร็จที่เขามีส่วนร่วมด้วยการลงเล่น 6 นัด และนั้น เป็นการเริ่มต้นการนำพาทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในหลายปีหลังจากนั้น

ประวัตินักฟุตบอล
ประวัตินักฟุตบอล

เรื่องราวฟุตบอลของเขานั้น ได้เริ่มต้นขึ้นในระบบเยาวชนของสโมสรเซาเปาโล ทีมชื่อดังในประเทศบราซิล ปี ค.ศ. 2002 ตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ และเขาได้ก้าวสู่ระดับอาชีพในอีก 8 ปีต่อมาในเกมที่พบกับสโมสรซานโตส ขณะในวัยเพียง 18 ปี จนเจ้าตัวถูกแมวมองจากสโมสรยักษ์ใหญ่หลายทีมทั่วยุโรป ทั้งเรอัล มาดริด บาเซโลน่า และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ามาจับตาดูพร้อมกับยื่นข้อเสนอ 

 

คาเซมิโร่ ได้สร้างความประทับใจกับเซา เปาโลได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการคว้าแชมป์โคปา ซูดาเมริคานา ในปี ค.ศ. 2012 และจากนั้น เจ้าตัวก็ได้เซ็นสัญญาย้ายไปค้าแข้งกับเรอัล มาดริดแบบยืมตัวในเดือนมกราคม ปี 2013 ได้ลงเล่นให้กับทีม B เขาเริ่มเกมลาลีกาเกมแรกของตนเอง ในเดือนเมษายนของปีนั้น โดยเอาชนะเรอัล เบติส 3-1 ได้สำเร็จ ก่อนมีการซื้อขาดอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา

ประวัตินักฟุตบอล

คาเซมิโร่ถูกยืมตัวไปอยู่กับ เอฟซี ปอร์โต้ ในฤดูกาล 2014/15 เป็นเวลา 1 ปี ในโปรตุเกสก็นำประสบการณ์ฟุตบอลและแชมป์เปี้ยนส์ติดไม้ติดมือกลับมาอย่างมากมาย ด้วยการพาปอร์โตคว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อเขากลับมาที่มาดริด เขาเริ่มติดทีมชุดใหญ่อย่างรวดเร็ว ภายใต้การคุมทีมของ คาโล่ อัลเชล็อตติ

 

ต่อมาในยุคของยอดกุนซืออย่าง เซเนดีน ซีดาน เขานั้นได้ปลุกความเป็นสุดยอดผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับของคาเซมิโร่ ออกมา ด้วยแผนการทำทีมโดยให้เขาเล่นอยู่ด้านหลังสองกลางกองระดับโลกอย่าง ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส ทำให้ในปี 2016 ขาลงเล่นในแชมเปียนส์ลีก 11 เกม พาเรอัล มาดริดคว้าชัยชนะเป็นครั้งที่ 11 ในการแข่งขัน และเล่นทั้งหมด 120 นาทีในการดวลจุดโทษอย่างน่าทึ่งเหนือเพื่อนบ้านอย่างแอตเลติโก มาดริด

ในฤดูกาลถัดมา เขาประสบความสำเร็จมากขึ้น ที่เบอร์นามิว เขานั้นสามารถรักษาแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกและได้ยกถ้วยยูฟ่าซูเปอร์คัพ ในปีด้วยกัน โดยเจ้าตัวสามารถทำประตูได้ในเกมใหญ่ทั้งเล่นกับยูเวนตุสและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกด้วย ซึ่งก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกได้สำเร็จในปีนั้น

ในฤดูกาล 2017/18 เขามีบทบาทสำคัญในการพาทัพเรอัล มาดริด คว้าแชปม์ ยูฟ่า เปี้ยนส์ลีก ติดต่อกันเป็นสมัยที่สาม เป็นทีมแรกในประวัติศาตร์ที่สามารถทำสถิติดังกล่าวได้ ซึ่งเป็นการครองความยิ่งใหญ่อย่างไม่มีใครเทียบได้นับตั้งแต่การปรับโครงสร้างการแข่งขันในปี 1992

ในปี 2022 ชัยชนะเหนือลิเวอร์พูล 1 – 0 ที่ปารีส ส่งผลให้คาเซมิโร่ คว้าแชมป์สมัยที่ 5 ได้สำเร็จ พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์ลาลีก้า สเปน สมัยที่ 2 ของตัวเองอีกด้วย

ประวัตินักฟุตบอลแห่งยุค

เมื่อฤดูกาลใหม่ 2022/2023 เริ่มต้นขึ้น เจ้าตัวได้รับรางวัลแมน ออฟ เดอะแมตช์ ในเกมก่อนที่จะถูกเปิดตัวเป็นผู้เล่นคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นการเซ็นสัญญาที่สายฟ้าแลบ เนื่องจากทัพปีศาจแดง ภายใต้การทำทีมของ เอริค เทน ฮาก เปิดฤดูกาลได้อย่างย่ำแย่ ด้วยการพ่าย 2 เกมติดในช่วงเปิดฤดูกาล ทำให้กุนซือหนุ่มต้องเริ่มเสริมทัพโดยด่วน

และสำหรับคาเซมิโร่ ในวัย 30 ปี ค่าตัว 60 ล้านยูโร ต่างเป็นที่พูดถึงในวงกว้างว่า นักเตะอายุหลัก 3 กับค่าตัวที่แพงขนาดนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังคิดอะไรอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่นัด เจ้าตัวก็ได้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยกาพาทีมกลับเข้ามาสู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

การมีคาเซมิโร่อยู่ด้านหลังของ บรูโน่ เฟอร์นันเดส และคริสเตียน อิริคเซ่น ทำให้ผู้เล่นในตำแหน่งตัวรุกรู้สึกอุ่นใจไม่ใช่น้อย เนื่องจากพวกเขาไว้ใจว่าหากบอลหลุดไป ยังไงก็มีกองกลางตัวรับอย่างคาเซมิโร่ ค่อยชิงบอลกลับมาได้อย่างแน่นอน

ดังนั้น นักเตะทีมชาติบราซิลที่สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 5 สมัย เขานั้น ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่มีความสามารถ เจ้าของฉายา “M16” หรือแฟนบอลบางกลุ่มเปรียบเขาเหมือนกับสุนัขพันธุ์ พิทบลู ที่พร้อมจะเข้าแย่งบอลจากคู่แข่งด้วยความดุดันและกัดไม่ปล่อยเลยทีเดียว พร้อมด้วยความคิดที่เฉียบคมในการคว้าชัยชนะ บวกกับทักษะกองกลางตัวรับที่มีวินัยที่สุด ก้าวร้าวและโอ่อ่า กระหายในการสกัดกั้น นั้นแหละคือตัวตนของชายผู้นี้

ประวัติ คาเซมิโร่ คาเซมิโร่กับการรับใช้ทีมชาติบราซิล

ประวัตินักฟุตบอลแห่งยุค

นอกเหนือจากความสำเร็จอันเจิดจรัสในระดับสโมสรแล้ว คาเซมิโร่ยังมีบทบาทสำคัญในทีมชาติบราซิลมาอย่างยาวนาน เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดอายุต่ำกว่า 17 ปีและอายุต่ำกว่า 20 ปีของทัพเซเลเซา ก่อนจะลงเล่นนำทีมชุดใหญ่เสมอกับอาร์เจนตินา 0-0 ในปี 2011 ขณะอายุเพียง 19 ปี เท่านั้น

เขาได้รับเลือกให้เข้าร่วมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2018 ที่ประเทศรัสเซีย และเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ประสบความสำเร็จในโคปาอเมริกาปี 2019 ด้วยการเอาชนะชิลี 3-1 ที่ริโอ เดอจาเนโร ประเทศบราซิล ที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันศึกฟุตบอลโคปา อเมริกา

ในปี 2022 ฟุตบอลโลกที่การ์ต้า ทีมชาติบราซิล ถูกมองว่าเป็นเต็งหนึ่งในการแข่งขันรายการนี้ เนื่องจากอุดมไปด้วยผู้เล่นชื่อดังคับทีม และหนึ่งในนั้นคือ คาเซมิโร้ ที่คอยบัญชาการในแดนกลางของทีม อีกทั้งยังสามารถยิงประตูชัย 1 – 0 ช่วยให้ทีมชาติบราซิลเอาชนะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ การันตีการเข้ารอบต่อไปอย่างแน่นอนแล้ว

ผลงานส่วนตัวของ คาเซมิโร่

ระดับสโมสร

  • โกปา ซูดาเมริกานา ปี 2012
  • แชมป์ ลาลีกา 2 สมัย
  • โกปา เดอเลย์ 1 สมัย
  • ซุปเปอร์โกปา เดอเรย์ 2 สมัย
  • ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก 5 สมัย
  • ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ 2 สมัย
  • แชมป์สโมสรโลก 3 สมัย

ระดับทีมชาติ

  • แชมป์ U-20 1 สมัย
  • แชมป์โคปาอเมริกา 1 สมัย

ติดตามผลบอลได้ที่ :: ผลบอลสด

ติดตามประวัตินักฟุตบอล :: ประวัติริชาร์ลิซอน