ประวัติ เอแดร์สัน โมราเอส นายทวารสัญชาติบราซิล

ประวัติ เอแดร์สัน โมราเอส (Ederson Moraes) นายทวารสัญชาติบราซิล เกิดวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 1993 ที่ประเทศบราซิล เขาเริ่มต้นเล่นกีฬาฟุตบอลกับทางสโมสรเซาเปาโล เมื่อปี 2008 แล้วก็ได้ย้ายเข้าสู่อคาเดมี่ของทีม เบนฟิก้า ในปี 2009 และด้วยพรสววรค์ที่เขามีทำให้เขาได้รับสัญญาในการเล่นอาชีพครั้งแรก ในปี 2011 กับสโมสร ริโอ เอฟ เป็นทีมที่อยู่ในระดับดิวิชั่น 2 ของประเทศโปรตุเกสในขณะนั้น

ปกเอแดร์สัน
ประวัติข้อมูลส่วนตัวของ เอแดร์สัน

ชื่อเต็ม : เอแดร์สัน โมราเอส (Ederson Moraes)

วันเกิด : 17 สิงหาคม 1993

สถานที่ : โอซัสกู รัฐเซาเปาโล

สัญชาติ : บราซิล

ส่วนสูง : 1.88 เมตร

สโมสรปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ตำแหน่งที่เล่น : ผู้รักษาประตู

สวมเสื้อเบอร์ : 31

ลงเล่น : 267

ยิงประตู : 0

ประวัติการเล่นในระดับสโมสรที่ผ่านมาของ เอแดร์สัน

ค.ศ. 2011 – 2012 ริโอ เอฟ ลงเล่น 29 นัด ยิง 0 ประตู

ค.ศ. 2012-2015 รีอูอาวี ลงเล่น 37 นัด ยิง 0 ประตู

ค.ศ. 2015 เบนฟิก้า บี ลงเล่น 4 นัด ยิง 0 ประตู

ค.ศ. 2015-2017  เบนฟิก้า ลงเล่น 37 นัด ยิง 0 ประตู

ค.ศ. 2017 – ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเล่น 180 นัด ยิง 0 ประตู

ประวัติเส้นทางชีวิตการค้าแข้งของ เอแดร์สัน โมราเอส

เด็กวัย 13 ขวบกับการเริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง

เริ่มแรกของการเข้าเล่นกับทีมเซาเปาโล ซึ่งเป็นทีมในฝันของเขา เอแดร์สัน ได้เล่นในตำแหน่งเซ้นเตอร์เเบล็ค แต่ด้วยการที่เขาเป็นคนวิ่งช้า จึงไม่สามารถที่จะวิ่งไล่กองหน้าของทีมตรงข้ามได้ทัน ทำให้เขาได้ตัดสินใจไปปบอกกับโค้ชในตอนนั้นว่า ขอเปลี่ยนใจไปเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูเเทน เเละเพียงครั้งแรกที่เขาใส่สวมถุงมือ และลงเฝ้าเสาประตู ก็เหมือนกับว่าเขาได้พบตัวตอนที่แท้จริงของเขาเข้าแล้ว

เอแดร์สัน4

หลังจากที่เขาได้ค้นพบแล้วว่าตำแหน่งผู้รักษาประตูนี่แหละ คือตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในตัวเขา และเส่นทางของการเป็นผู้รักษาประตูของเจ้าเด็กน้อยเอแดร์สัน ในวันนั้น ก็ได้เริ่มต้นขึ้น  เขาสวมถุงมือเป็นผู้รักษาประตูลงเฝ้าเสาให้กับทีมเซาเปาโล ในรุ่นเยาวชนถึง 3ปี และยังสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีจนสามารถทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียง

ชื่อเสียงของเขานั้นดังข้ามทวีปไปยังฝั่งยุโรป และเป็นสโมสรเบนฟิก้า ทีมดังจากโปรตุเกสได้จัดการคว้าตัวดาวรุ่งคนนี้มาร่วมทีมทันที แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นดาวรุ่งที่มีผลงานที่ดี แต่กระดูกของเขานั้น ยังเทียบไม่ได้กับการเล่นในทีมซักเท่าไหร่ หากทางทีมดองไว้ ก้กลัวว่าเขาจะถอดใจเสียก่อน

ทางทีมจึงปล่อยให้เจ้าตัวนั้นออกไปเก็บประสบการณ์กับทีมในลีกดิวิชั่น 2 ของโปรตุเกส และหลังจากนั้นไม่นาน ทางทีม
ริโอเอฟ ทีมดังจากลีกสูงสุดก็ตัดสินใจดึงเขาเข้าร่วมทีม ซึ่งที่นี่ก็เป็นที่แรกที่เขาได้พบกับประสบการณ์ การเป็นตัวจริงในครั้งแรก ซึ่งตัวเขานั้นสามารถทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดี และทำให้เบนฟิก้า ต้องซื้อตัวเขากลับมาเฝ้าเสาให้ทีมอีกครั้ง

ระหว่างรอโอกาส ขึ้นผงาดโชว์ฝีมือ

เอแดร์สัน2

ระหว่างที่เขารอโอกาสที่จะลงสนามนั้น เขาก็ได้ฝึกซ้อมเก็บวิชากับผู้รักษาประตูตัวเก๋าทีมชาติเดียวกัน ในฐานะมือรองไปผลางๆ จนโอกาสครัั้งใหญ่ก็มาถึง ซึ่งทำให้หลายๆคนมองว่าโอกาสแบบนี้มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่มือของเขาจะรับได้รึป่าว

ในวัย 20 ต้นๆ เอแดร์สัน ถูกเลือกให้เป็นตัวจริงครั้งแรกให้กับเบนฟิก้าในเกมส์ชิงแชมป์ลีกโปรตุเกส ในบรรยากาศที่โคตรกดดันกับแมตที่ต้องเจอกับคู่ปรับ อย่างสปอนตี้ ลิปป้อน ซึ่งหากเกมส์นั้นเขาพลาดแม้แต่นิดเดียว เส้นทางการค้าแข้งของเขาอาจจะเปลี่ยนไปก็เป็นได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมส์กับเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย

จากเด็กโนเนม เดินทางสู่ประตูที่มีค่าเหนื่อยแพงที่สุด

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่ายเงิน 40 ล้านยูโร ดึงตัว เอแดร์สัน มาร่วมทีม กลายเป็นนายด่านที่แพงที่สุดอันดับ 2 ของโลกในเวลานั้น ซึ่งขณะนั้นในทีมมี เคลาดิโอ บราโว่ นายด่านทีมชาติชิลี เป็นคู่แข่งในการแย่งตำแหน่งมือ 1 แต่ท้ายที่สุด เอแดร์สัน กลายเป็นตัวเลือกแรกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พลาดการลงเล่นพรีเมียร์ลีกแค่ 2 นัดสุดท้าย มีส่วนสำคัญในการพาทัพเรือใบเก็บ 100 แต้ม คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก พ่วงด้วยแชมป์ลีกคัพ

เอแดร์สัน3

เอแดร์สัน ไม่พลาดการลงเล่นพรีเมียร์ลีกสักนัด รวมแล้วลงเล่น 55 นัด มีส่วนสำคัญในการพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กวาดทุกแชมป์บนประเทศอังกฤษ ไล่ตั้งแต่แชมป์พรีเมียร์ลีก , เอฟเอคัพ , ลีกคัพ และคอมมูนิตี้ ชิลด์ แต่ในยูฟ่า แชมป์เปียนลีก ไปได้ไกลเพียงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ฤดูกาลต่อมา เอแดร์สัน ยังยึดมือ 1 ในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยมอย่างต่อเนื่อง พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2020/21 ตามด้วย 2021/22 และผ่านเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมป์เปียนลีก 2020/21

เอแดร์สัน1

ในฤดูกาลปัจจุบัน (2022/23) เอแดร์สัน ยังเป็นตัวเลือกแรกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยู่เสมอ หลังผ่าน 21 นัด เขายังไม่พลาดพรีเมียร์ลีกสักเกม โดยเปิดโอกาสให้ สเตฟาน อร์เตก้า นายด่านมือ 2 ได้เล่นเพียงเอฟเอคัพ กับ คาราบาวคัพเท่านั้น ส่วนฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปียนลีกยังได้ลงทำหน้าที่ 4 นัด แล้วเป็นสำรอง 2 นัดสุดท้าย เนื่องจากทีมเข้ารอบไปแล้ว

ผลงานส่วนตัวของ เอแดร์สัน

ระดับสโมสร

  • 2013-2014 รองชนะเลิศ โปรตุเกสลีกคัพ
  • 2015-2017 ชนะเลิศ ปรีไมลาลีกา / โปรตุเกสลีกคัพ
  • 2017-2020 ชนะเลิศ พรีเมียร์ลีก / เอฟเอคัพ / อีเอฟแอลคัพ / เอฟเอคอมมิวนิติชิวด์
  • 2020-2021 รางวัลถุงมือทองคำ พรีเมียร์ลีก

ติดตามผลบอลได้ที่ :: ผลบอลสด

ติดตามประวัตินักฟุตบอล :: คาโอรุ มิโตมะ