ประวัติ มาร์ติน โอเดการ์ด ดาวโรจน์ผู้ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง

ประวัติ มาร์ติน โอเดการ์ด

ประวัติ มาร์ติน โอเดการ์ด (Martin Ødegaard) กลางรุกดาวโรจน์ปืนใหญ่

โอเดการ์ด ลงเล่นให้ทีมสตรอมส์ก็อตเซทชุดเยาวชน และเริ่มซ้อมกับทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2013 เพียงแค่วัย 13 ปีและเขายังเคยร่วมซ้อม กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อเดือนมกราคม 2014 และได้ตกลงเซ็นสัญญาฉบับอาชีพกับทีม ประเดิมชุดใหญ่ให้ในเกม พบ อาเลซุฯ เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2014 เพียงอายุแค่ 15 ปี และยังกลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุด ในลีกนอร์เวย์ และยังเป็นนักเตะอายุน้อยที่ทำประตูได้ในลีกสูงสุดของ นอร์เวย์

เราจะพาย้อนกลับไปชมจุดเริ่มต้นบนอาชีพค้าแข้ง ของทางเจ้าหนู มาร์ติน โอเดการ์ด ว่าชีวิตของเขานั้น เกือยไม่ได้เป็นนักฟุตบอลระดับท็อป ที่ผู้คนพูดถึงเหมือนในปัจจุบันนี้ เจ้าหนูชาวนอร์เวย์เกือบจะไม่ได้เป็นจอมทัพ ไอ้ปืนใหญ่ อย่างทุกวันนี้มาแล้ว 

ประวัติ มาร์ติน โอเดการ์ด

ประวัติข้อมูลส่วนตัวของโอเดการ์ด

ชื่อเต็ม : มาร์ติน โอเดการ์ด (Martin Ødegaard)

วันเกิด : 17 ธันวาคม ค.ศ. 1998

สถานที่ : แดรมเมน, ประเทศนอร์เวย์

สัญชาติ : นอร์เวย์

ส่วนสูง : 1.78 เมตร

สโมสรปัจจุบัน : อาร์เซนอล

ตำแหน่งที่เล่น : กองกลางตัวรุก

สวมเสื้อเบอร์ : 8

ลงเล่น : 54

ยิงประตู : 15

ประวัติการเล่นในระดับสโมสรที่ผ่านมาของโอเดการ์ด

 2014–2015 สเตริมส์กุดเซิต ลง 23 นัด  ยิง 5 ประตู

 2015–2017 เรอัล มาดริด กัสติยา ลง 58 นัด  ยิง 5 ประตู

 2015–2021 เรอัล มาดริด ลง 8 นัด  ยิง 0 ประตู

 2017–2018  เฮเรินเฟน (ยืมตัว) ลง 38 นัด ยิง 3 ประตู

 2018–2019  ฟีเตสเซอ (ยืมตัว) ลง 31 นัด  ยิง 8 ประตู

 2019–2020  เรอัลโซซิเอดัด (ยืม) ลง 31 นัด  ยิง 4 ประตู

 2021  อาร์เซนอล (ยืมตัว)  ลง 14 นัด  ยิง 1 ประตู

 2021 – ปัจจุบัน   อาร์เซนอล  ลง 51 นัด  ยิง 14 ประตู

เส้นทางชีวิตการค้าแข้งของมาร์ติน โอเดการ์ด

ย้อนกลับไปเจ้าหนูชาวนอ์เวเจี้ยน อายุ 16 ปี มีนามว่า “มาร์ฺติน โอเดการ์ด” เขาเกิดเมื่อ วันที่ 17 ธันวาคม ปี 1998 ในครอบครัวชนชั้นกลาง โดยมีคุณพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอล และเป็นโค้ชให้กับทีม ‘แดรมเมน สตรอง’ ในเมืองบ้านเกิดของเขา และเป็นสโมสรแห่งแรกที่โอเดการ์ด เริ่มต้นค้าแข้ง 

ประวัติ มาร์ติน โอเดการ์ด

ด้วยพรสวรรค์ด้านฟุตบอลของเขา ที่โดดเด่นเหนือเด็กทุกคนในทีม เขาเล่นบอลได้อย่างพลิ้วไหว เทคนิคที่ไม่ธรรมดา ทักษะการครองบอลอันยอดเยี่ยม การกระชากแล้วตัดเข้าในพื้นที่แคบก็ทำได้ดี การจ่ายบอลก็แม่นยำราวกับจับวาง ทำให้ทีมดังอย่าง ‘สตรอมส์ก็อตเซท’ คว้าตัวไปร่วมทีมเมื่อปี 2009 ซึ่งเขาสามารถเข้ามาเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ของสโมสรด้วยวัยเพียง 13 ปี กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในลีกนอร์เวย์ ทันที

อีกสองปีต่อมา โอเดการ์ด กลายเป็นเด็กพรสวรรค์แห่งยุค เขาลงเล่นให้สโมสรสตรอมส์ก็อตเซท ในลีกสูงสุดของนอร์เวย์ ตอนอายุ 15 ปี กับอีก 118 วัน และติดทีมชาติชุดใหญ่ของนอร์เวย์ ตอนอายุ 15 ปี กับอีก 235 วัน จากนั้นยิงประตูแรกให้ทีมชาติได้ในวัย 15 ปี กับอีก 300 วัน และด้วยความที่ถนัดเท้าซ้าย ทำให้ช่วงนั้นสื่อยุโรปต่างพากันปั้นฉายาให้เขาว่าเป็น เมสซี่แห่งนอร์เวย์บ้าง หรือ เมสซี่เจเนอเรชันใหม่บ้าง

ความเก่งของโอเดการ์ด โด่งดังอย่างรวดเร็ว ทำให้สโมสรในยุโรปต้องการได้ตัวเขามาร่วมทีม จนปลายปี 2014 มีมากกว่า 10 สโมสร อาทิ บาร์เซโลน่า , เรอัล มาดริด , บาเยิร์น มิวนิค , ปารีส แซงต์ แชร์กแมง , อาร์เซน่อล ติดต่อเข้ามาขอลายเซ็นแข้งรายนี้ไปร่วมทีม ร่วมไปถึงทีมที่เขาเชียร์มาตั้งแต่เด็ก และได้โอกาสเข้าไปร่วมฝึกซ้อมในศูนย์ฝึกเช่นกันอย่าง ลิเวอร์พูล 

แต่สุดท้าย โอเดการ์ด เลือกไปที่เรอัล มาดริด ซึ่งการเซ็นสัญญาเกิดขึ้นวันที่ 22 มกราคม 2015

ประวัติ มาร์ติน โอเดการ์ด

แต่การเข้ามาอยู่ในถิ่น เรอัล มาดริด ไม่เป็นเหมือนฝัน หรือความคิดที่เขาคิดดั่งใจหวัง

อาจเป็นเพราะเขาเป็นแข้งดาวรุ่งที่เก่งที่สุดในโลก ทำให้มีความั่นใจสูง แต่ทุกอย่างไม่ได้สวยงามอย่างที่โอเดการ์ดคิดฝันไว้ เมื่อเขาไม่สามารถสอดแทรกผู้เล่นตัวจริงอย่าง โรนัลโด้ , เบล หรือ เบนเซม่า ที่เล่นได้อย่างลงตัวจนเป็นหนึ่งในสามประสานแดนหน้าที่ดีที่สุดของยุโรปในเวลานั้น  ดังนั้น เขาจึงถูกส่งไปเล่นให้ทีมสำรองอย่าง ‘กาสตีญ่า’ โดยมีซีเนอดีน ซีดาน เป็นเฮดโค้ชคุมทีมอยู่

แน่นอนว่า จากผู้เล่นตัวจริงแล้วโดนลงอยู่ในทีมสำรอง เป็นสิ่งที่โอเดการ์ดทำใจไม่ได้ เขาเริ่มทำตัวงอแง จากการมาซ้อมสาย หรือไม่มาซ้อมเลย รวมถึงการวางตัวกับเพื่อนในทีมสำรองก็ไม่คอยดีนัก ยังมีข่าวว่า เขาไม่คอยให้ความเคารพซีดาน เฮดโค้ชของทีม ที่พยายามตักเตือนให้เขาทำตัวอย่างมืออาชีพ คือฝึกซ้อมให้นัก และพยายามทำผลงานให้ดีในทีมสำรอง

แต่โอเดการ์ไม่คอยสนใจสิ่งที่ซีดานตักเตือนมากนัก เขาไม่แคร์ว่าเพื่อนในทีมจะคิดอะไรอยู่ เขาคิดเพียงว่า ตัวเขามีความสามารถมากพอจะเล่นเคียงข้างกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในทีมชุดใหญ่ มากกว่าเป็นผู้เล่นในทีมสำรอง ที่มีซีดานเป็นเฮดโค้ช

ประวัติ มาร์ติน โอเดการ์ด

จนตัวเขาได้ถูกปล่อยตัวออกไปหาประสบการณ์ ไปขัดฝีเท้าใหม่กับทั้ง ‘ฮีเรนวีน’ , ‘วิเทสส์ อาร์เนม’ ในลีกดัตช์  และ เรอัล โซเซียดัด ในลีกสเปน ทำให้เขาฝีมือของเขาพัฒนาขึ้นไปมาก เขากลายเป็นมิดฟิลด์ที่น่าจับตามองอีกครั้ง ด้วยรูปแบบการส่งบอลที่แม่นยำ และการอ่านเกมได้อย่างเฉียบขาด แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่ ราชัน ชุดขา การผจญภัยกับอาร์เซนอล เริ่มขึ้นหลังจากที่โอเดการ์ดไม่สามารถเอาชนะใจซีดาน ในการยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมเรอัล มาดริด ได้

ด้วยวัย 23 ปี เขาตัดสินใจอำลาถิ่นราชันชุดขาว แล้วย้ายซบอาร์เซนอล ทีมใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ด้วยสัญญายืมตัว เมื่อเดือนมกราคม 2021 ก่อนจะโชว์ฟอร์มประทับใจในตำแหน่งห้องเครื่องของทีม จนไอ้ปืนใหญ่ ตัดสินใจซื้อขาดในเดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ 

เขาเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก ที่กลายเป็นจิ๊กซอว์ที่หายไปของอาร์เซนอล สามารถเล่นได้ยอดเยี่ยม ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้อาร์เซนอล ตัดสินใจประกาศแต่งตั้งให้โอเดการ์ดเป็นกัปตันทีมคนใหม่ ลุยศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2022-23 ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำหรับเพลย์เมกเกอร์หนุ่มทีมชาตินอร์เวย์อย่างยิ่ง

ประวัติ มาร์ติน โอเดการ์ด

โอเดการ์ด จึงถูกแฟนบอลเดอะกันเนอร์บางกลุ่ม ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงลบว่าเขาไม่เหมาะสมกับตำแหน่งกัปตันทีมอาร์เซนอล และยังคงสงสัยในความสามารถของกัปตันหนุ่มผู้นี้เสมอมา แต่ไม่ว่าอย่างไร การที่อาร์เซนอล ประกาศแต่งตั้งให้โอเดการ์เป็นกัปตันทีม ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาให้ความสำคัญกับกองกลางรายนี้มากน้อยเพียงใด

แม้จะเคยล้มเหลว แต่โอเดการ์ดได้ทิ้งเรื่องราวเหล่านั้นไว้เพียงข้างหลังแล้วตอนนี้ ปัจจุบันนี้ เขากลายเป็นที่รักของแฟนบอลอาร์เซนอลอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นสู้ใหม่อย่างถ่อมตน แล้วทิ้งอดีตเหล่านั้นไว้ข้างหลัง ด้วยการเริ่มต้นก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ จากสองขาที่มั่นคง และเต็มเปี่ยมด้วยพลังมหาศาล มันช่วยให้เขาได้เห็นรายละเอียดของชีวิตได้ชัดเจนขึ้น ได้รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมสำหรับตัวเขา เขายังพบว่า มีแต่การทำงานที่หนักเท่านั้น ที่จะนำพาความสำเร็จมาสู่ตัวเขาได้  รวมถึงระเบียบวินัยในการฝึกซ้อมก็สำคัญต่ออาชีพนักฟุตบอลเช่นเดียวกัน

มาร์ติน โอเดการ์ดกับการรับใช้ทีมชาตินอร์เวย์

ประวัติ มาร์ติน โอเดการ์ด

เล่นให้กับทีมชาตินอร์เวย์อายุต่ำกว่า 16ปีในการแข่งขันกับสกอตแลนด์ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศสในตุรกีในเดือนมกราคม 2014 เขาเล่นเต็ม 90 นาทีทั้งสามนัด ซึ่งส่งผลให้ชนะต่อ สกอตแลนด์และการสูญเสียสองครั้ง

ขาได้รับการเลื่อนชั้นให้ทีมชาตินอร์เวย์อายุต่ำกว่า 17 ปีสำหรับเกมเยือนไอซ์แลนด์เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2014 โอเดการ์ดลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 62 และช่วยให้ประเทศของเขาชนะ 2–1 ต่อจากนั้น เขาอยู่ในรายชื่อผู้เล่นตัวจริงสำหรับเกมเยือนสามนัดถัดไป ในการชนะ 3–0 ต่อไอซ์แลนด์ เมื่อวันที่ 2 มีนาคมในการแพ้ 2–3 ต่อตุรกี เมื่อวันที่ 25 มีนาคมและสุดท้ายในการแพ้ 0–3 ต่อกรีซ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2014

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2014 เขาได้รับเลือกให้ติดทีมชาตินอร์เวย์อายุต่ำกว่า 21 ปีสำหรับนัดสุดท้ายของ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่ง ชาติยุโรปรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2015 รอบคัดเลือก เขาเล่นเต็มนัดกับโปรตุเกสในฐานะกองหน้า

หลังจากผ่านไปโดยไร้ขีดจำกัด ฟอร์มของ Ødegaard สำหรับ Heerenveen ทำให้เขาถูกเรียกกลับ ทีมนอร์เวย์ของ Lars Lagerbäckและเขาได้ติดทีมชาตินัดที่ 10 ในเกมกับมาซิโดเนียในเดือนพฤศจิกายน 2017 [56]ในวันที่ 7 มิถุนายน 2019 Ødegaard ทำประตูแรกในระดับนานาชาติกับโรมาเนียในการแข่งขันรอบคัดเลือก ยูฟ่ายูโร 2020ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 2–2 

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 มาร์ติน โอเดการ์ด ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติโดยผู้จัดการทีมคนใหม่Ståle Solbakken

ผลงานส่วนตัวของ โอเดการ์ด

ระดับสโมสร

  • โคปาเดลเรย์ 2019-2020

ระดับทีมชาติ

  • ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นให้กับทีมชาตินอร์เวย์ชุดใหญ่ ด้วยอายุ 15 ปี 253 วัน
  • ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในรอบคัดเลือกของฟุตบอลชิงแชมปแห่งชาติยุโรป

ติดตามผลบอลได้ที่ :: ผลบอลสด

ติดตามประวัตินักฟุตบอล :: ประวัติ ชานาธิป สรงกระสินธ์