ประวัติ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม แบ็กขวาตัวเก่งปราสาทสายฟ้า
ประวัติ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (Naruebodin Weerawatnodom) ความจริงแล้วนักกีฬาฟุตบอลในประเทศไทยนั้นไม่ใช่คนที่ไม่มีฝีมือแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะว่าข้อจำกัดมากมายทำให้พวกเขานั้นไม่สามารถพัฒนาฝีมือได้ดีเท่าที่ควร หากพวกเขาได้รับโอกาสในการพัฒนาฝีมือพวกเขาก็สามารถกลายมาเป็นนักเตะที่ทีมชาติไทยสามารถฝากความหวังเอาไว้ได้เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้ฟุตบอลไทยยังต้องอาศัยการปรับปรุงและพัฒนาอยู่หลายด้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีนักเตะไทยหลายคนเช่นเดียวกันที่มีผลงานโดดเด่นกว่าใครเพื่อนจนกลายเป็นที่จับตามอง หนึ่งในนั้นก็คือ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นเอง

ชื่อเต็ม : นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (Naruebodin Weerawatnodom)
วันเกิด : 12 กรกฎาคม 1994
สถานที่ : จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
สัญชาติ : ไทย
ส่วนสูง : 1.79 เมตร
สโมสรปัจจุบัน : บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ตำแหน่งที่เล่น : แบ็กขวา
สวมเสื้อเบอร์ : 15
ลงเล่น : 169
ยิงประตู : 18

ค.ศ. 2012 – 2014 บีอีซี เทโรศาสน ลงเล่น 54 นัด ยิง 2 ประตู
ค.ศ. 2015 – ปัจจุบัน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลงเล่น 169 นัด ยิง 18 ประตู
เส้นทางชีวิตการค้าแข้งของ ประวัติ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม
จุดเริ่มต้น ของเด็กหนุ่มจาก พระนครศรีอยุธยา
หลายคนเรียกเขาด้วยชื่อเล่นว่าต้น เขานั้นเป็นนักกีฬาฟุตบอลชาวไทยที่ปัจจุบันสังกัดอยู่ในสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ซึ่งเป็นสมาชิกไทยลีก ตำแหน่งประจำของเขาคือแบ็คขวา และที่สำคัญเขายังเป็นกัปตันทีมบุรีรัมย์ในปัจจุบันอีกด้วย
เขานั้นเป็นชาวพระนครศรีอยุธยา โดยกำเนิดในอำเภอบ้านลาดบัวหลวงเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมในปี 2537 ปัจจุบันจึง
มีอายุครบ 28 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากเริ่มโตขึ้นเขาก็ได้เข้าศึกษาในระดับชั้นมัธยมในโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี และได้เข้าศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในสาขาวิชาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต เจ้าตัวมาพร้อมกับส่วนสูง 1.79 เมตร ถือว่าเป็นกองหลังที่มีส่วนสูงไม่น้อยกว่าใครเลยทีเดียวหากเทียบกับบรรดานักเตะกองหลังด้วยกัน นอกจากนี้เจ้าตัวยังเป็นตำรวจอีกด้วย โดยล่าสุดเขาได้ประดับยศเป็นสิบตำรวจโทสำเร็จหลังจากเข้าฝึกในโรงเรียนนายร้อยตำรวจมาระยะเวลาหนึ่ง
สำหรับเส้นทางอาชีพฟุตบอลนั้นเขาเริ่มต้นแข่งขันในระดับเยาวชนกับทีมฟุตบอลโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี และยังเคยเข้าร่วมกับสโมสรฟุตบอลเพื่อนตำรวจอีกด้วย เขามีผลงานที่โดดเด่นเป็นอย่างมากและสามารถพาทีมคว้าแชมป์ในรายการแข่งขันนักเรียนรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปีในปี 2511 ได้สำเร็จอีกต่างหาก
จุดเริ่มต้น เข้าสู่นักฟุตบอลอาชีพ

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มต้นการเป็นนักกีฬาฟุตบอลอาชีพกับสโมสรบีอีซี เทโรศาสนในปี 2555 แข่งอยู่ 3 ปีเขาจึงได้ย้ายมาอยู่กับสโมสรใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดในปี 2558 โดยเป็นการเปลี่ยนตัวกับนักเตะคนดังอย่างอดิศักดิ์ ไกรษร หลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่ในสโมสรได้ไม่นานเขาก็สามารถทำประตูแรกในการแข่งขันไทยลีกได้สำเร็จแถมยังช่วยให้ทีมฟ้าชัยชนะเหนือสโมสรโอสถสภาไปด้วยคะแนนกว่า 6 ประตูต่อ 3 อีกด้วย
ต่อมาในฤดูกาล 2559 ในการแข่งขันเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ 65 ปีไทยกัมพูชา เขาได้รับบาดเจ็บจนต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสมิติเวชอย่างน่าเสียดาย แต่ข่าวดีก็คือเจ้าตัวตัดสินใจที่จะต่อสัญญากับสโมสรต่อไปอีกถึง 5 ปีเลยทีเดียว ในปีต่อมาเขาตัดสินใจเข้ารับการฝึกอบรมในโรงเรียนนายร้อยทั้งหมด 3 เดือนโดยในระหว่างนั้นก็มีการได้รับอนุญาตให้กลับมาแข่งให้กับสโมสรเมื่อมีการแข่งขันเช่นเดียวกัน
แต่ผลงานอาจจะไม่ได้ร้อนแรงเท่ากับฤดูกาลอื่นสักเท่าไหร่เพราะทำหลายอย่าง แต่พอกลับมาในฤดูกาล 2561 เขาก็สามารถทำประตูได้สำเร็จอีกครั้ง

และหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นนักเตะที่น่าจับตามองมาจนถึงในปัจจุบัน ในการแข่งขันระดับทีมชาตินั้นเขาได้ลงแข่งขันตั้งแต่รุ่นอายุ 12 ปีไปจนถึง 19 ปี แถมยังเป็นหนึ่งในทีมที่สามารถเข้าสู่รอบสุดท้ายในการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์เอเชียได้สำเร็จอีกด้วย

หลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มจากทีมชุดใหญ่โดยเป็นทีมเดียวกับที่สามารถคว้าเหรียญทองฟุตบอลชายในการแข่งขันซีเกมส์ 2013 AFF SUZUKI CUP 2014 และซีเกมส์ 2015 อีกด้วย ถึงแม้ว่าในการแข่งขันระดับทีมชาติเขาจะไม่สามารถทำประตูได้เลยแต่ส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากการที่เขาอยู่ในตำแหน่งกองหลัง และเขาเองก็มีส่วนช่วยให้ทีมชาติไทยไม่ต้องเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้อยู่หลายต่อหลายครั้งเช่นเดียวกัน

ค.ศ. 2011 – 2012 ทีมชาติไทย U-19 ลงเล่น 8 นัด ยิง 2 ประตู
ค.ศ. 2012 – 2016 ทีมชาติไทย U – 23 ลงเล่น 22 นัด ยิง 7 ประตู
ค.ศ. 2013 – ปัจจุบัน ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ลงเล่น 35 นัด ยิง 1 ประตู
ระดับสโมสร
- เหรียญทองซีเกมส์ 2013
- ชนะเลิศรายการ เอเอฟเอฟ-ซูซูกิคัพ 2014
- เหรียญทองซีเกมส์ 2015