ประวัติ บรูโน่ แฟร์นานเดส จอมทัพปีศาจแดง

     ประวัติ บรูโน่ แฟร์นานเดส กองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขานั้นเป็นหัวใจในแนวรุกของทีมเสมอมานับตั้งแต่ย้ายจาก สปอร์ติง ลิสบอน มาร่วมทีมเมื่อปี 2020 ยามใดเมื่อเขาทำผลงานได้ดีตอนลงสนามรับใช้ให้กับทีม ปีศาจแดง มักจะได้ผลการแข่งขันที่ดีเสมอทั้งจากการยิงประตูหรือแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีม เป็นแข้งอีกหนึ่งคนที่ทีมขาดไม่ได้เลย

ประวัติ บรูโน่ แฟร์นานเดส
ประวัติข้อมูลส่วนตัวของ บรูโน่ แฟร์นานเดส

ชื่อเต็ม : บรูนู มีแกล บอร์ฌึช ฟือร์นังดึช (Bruno Miguel Borges Fernandes)

วันเกิด : 8 กันยายน 1994 ( 28 ปี ) 

สถานที่ : เมือง Maia ประเทศโปรตุเกส

สัญชาติ : โปรตุเกส

ส่วนสูง : 1.79 เมตร

สโมสรปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ตำแหน่งที่เล่น : กองกลาง

สวมเสื้อเบอร์ : 8

ลงเล่น : 175

ยิงประตู : 60

แอสซิสต์ : 52

บรูโน่ แฟร์นานเดส
ประวัติการเล่นในระดับสโมสรที่ผ่านมาของ บรูโน่ แฟร์นานเดส

ค.ศ. 2012 – 2013 โนวาร่า ลงเล่น 23 นัด ยิง 4 ประตู

ค.ศ. 2013 – 2016 อูดิเนเซ่ ลงเล่น 95 นัด ยิง 11 ประตู

ค.ศ. 2016-2017 ซามป์โดเรีย ลงเล่น 35 นัด ยิง 5 ประตู

ค.ศ. 2017-2020 สปอร์ติ้ง ลิสบอน ลงเล่น 137 นัด ยิง 63 ประตู

ค.ศ. 2020 – ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่น 62 นัด ยิง 30 ประตู

เส้นทางชีวิตการค้าแข้งของ ประวัติ บรูโน่ แฟร์นานเดส

เริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง

บรูโน่ แฟร์นานเดสเริ่มต้นเล่นฟุตบอลในระดับเยาวชน ในปี 2002 (8 ขวบ) กับสโมสร Infesta (อินเฟสต้า) แล้วย้ายไปอยู่กับ Novara ในปี 2012 แล้วเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพที่นั่น (ซีเรียบี อิตาลี) เล่นอยู่กับทีม 1 ซีซั่น ลงสนาม 23 นัด

บรูโน่ แฟร์นานเดส-อูดิเนเซ่

ย้ายซบอูดิเนเซ่

ฤดูกาล 2013/14 อูดิเนเซ่ ดึงตัว บรูโน่ แฟร์นานเดส ไปร่วมทีม ในช่วง 10 นัดแรกของซีซั่น เขาตกเป็นตัวเลือกรอง หลังจากนั้นเขาเริ่มได้รับความไว้วางใจมากขึ้น ได้ลงเล่นเป็นสำรอง 33 นาที ในเกมที่ 11 ของซีซั่น ที่แพ้ อินเตอร์ มิลาน 0-3 (3 พฤศจิกายน 2013)

หลังจากนั้น บรูโน่ได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง (7 ธันวาคม 2013) เขาลงเป็นตัวจริง แล้วมี 1 สกอร์ กับ 1 แอสซิสต์ ในเกมเสมอ นาโปลี 3-3 แล้วจากนั้น บรูโน่ก็ยึดตัวหลักของทีมอย่างถาวร จบซีซั่นนั้น เขาได้ลงสนาม 28 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 4 จ่าย 6 แอสซิสต์

อีก 2 ฤดูกาลต่อมา บรูโน่ แฟร์นานเดส ยังเป็นตัวหลักของ อูดิเนเซ่ เช่นเดิม แต่ในฤดูกาล 2015/16 เขาไม่สามารถพาทีมรอดตกชั้นได้ (อันดับ 17) จึงย้ายไปเล่นกับ ซามป์โดเรีย ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี

ย้ายไปเล่นกับซามป์โดเรียแบบยืมตัวแต่ผลงานแจ่มเลยเซ็นถาวร

ฤดูกาล 2016/17 บรูโน มารับใช้ ซามป์โดเรีย ทำให้เขายังได้เล่นอยู่ในกัลโชฯ เหมือนเดิม เปิดตัว 3 เกมแรกด้วยการได้เล่น 6 นาที ในเกมชนะ อตาลันต้า 2-1 (28 สิงหาคม 2016) จากนั้นเริ่มได้ลงเป็นสำรอง 5 นัดติด แล้วได้ลงเป็นตัวจริงให้ ซามป์โดเรีย นัดแรก (22 ตุลาคม 2016) อยู่ในสนาม 67 นาที (ชนะ เจนัว 2-1) ซึ่งในฤดูกาลดังกล่าว บรูโน่ได้ลงสนาม 35 นัด ยิงได้ 5 ประตู จนถูกซื้อขาดด้วยราคา 6 ล้านยูโร

คืนสู่บ้านเกิดกับลิสบอน

2 กรกฎาคม 2017 (ฤดูกาล 2017/18) สปอร์ติ้ง ลิสบอน จ่ายเงิน 9.7 ล้านยูโร ให้กับ ซามป์โดเรีย เพื่อดึงตัว บรูโน่ แฟร์นานเดส กลับมาเล่นในโปรตุเกส ซึ่งภายใต้การดูแลของ ฮอร์เก เชซุส เขากลายเป็นมิดฟิลด์ตัวหลักของทีม ยืนเป็นหน้าต่ำ ในระบบ 4-4-1-1 โดยมี บาส โดสต์ ยืนเป็นหน้าเป้า

บรูโน่เปิดซิงประตูแรกให้ สปอร์ติ้งฯ ในเกมที่ 3 ของซีซั่น (19 สิงหาคม 2017) เขายิง 2 ประตู ช่วยให้ทีมเอาชนะ วิคตอเรีย กิมาไรส์ 5-0 จากนั้นเขายึดตัวหลักของทีมเรื่อยมา พลาดเกมลีกแค่นัดเดียว ลงเล่นกว่า 56 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 16 ประตู พ่วงด้วย 18 แอสซิสต์ จากนั้น ผลงานของบรูโน่ ยังดีอย่างต่อเนื่อง ยิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งผลงานดังกล่าวไปเข้าตา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

บรูโน่ แฟร์นานเดส-แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เข้าสู่รั้วโรงละครแห่งความฝัน

29 มกราคม 2020 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายเงินรวมกว่า 80 ล้านยูโร เป็นค่าเสียหายให้กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เพื่อดึงตัว บรูโน่ แฟร์นานเดส มาช่วยกู้สถานการณ์ในโอลด์แทรฟฟอร์ด แล้วเขาก็ทำแบบที่ทุกคนคาดหวังได้ เปิดตัวนักแรกในสีเสื้อปีศาจแดง (1 กุมภาพันธ์ 2020) อยู่ในสนาม 90 นาที (เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตั้น 0-0) แล้วอีก 21 วันให้หลัง เบิกสกอร์แรกในพรีเมียร์ลีก พ่วง 1 แอสซิสต์ ช่วยทีมชนะ วัตฟอร์ด 3-0 หลังจากนั้น บรูโน่ยังเป็นจอมทัพคู่บุญของ โอเลย์ กุนนาร์ โซลชา อยู่เรื่อยมา จบซีซั่นนั้นได้ลงเล่น 22 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 12 ประตู จ่าย 8 แอสซิสต์ พาทัพ “ปีศาจแดง” จบที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก

ฤดูกาล 2020/21 บรูโน่ แฟร์นานเดส ระเบิดฟอร์มโหดกว่าเดิม เปิดหัวด้วย 8 ประตูในลีกจาก 9 นัดแรก รวมแล้วกดไป 18 ประตู จ่าย 11 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีก แต่น่าเสียดายที่ทัพ “ปีศาจแดง” ทำได้ดีที่สุดแค่รองแชมป์พรีเมียร์ลีกเท่านั้น

ฤดูกาล 2021/22 การเข้ามาของ คริสเตียโน โรนัลโด้ ทำให้ยอดการทำประตูของ บรูโน่ตกหล่นลงไป ยิงได้แค่ 10 ประตู จากการลงเล่น 46 นัดรวมทุกรายการ แล้วผลงานของทีมก็แย่ตามไปด้วย จบแค่ที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ได้เล่นแค่ยูโรป้าลีก

ฤดูกาลล่าสุด (2022/23) ผ่านมาถึงเดือนมกราคม (15 มกราคม 2023) ผ่านไปแล้ว 18 นัดโดยประมาณ บรูโน่ได้ลงสนามในฐานะกัปตันทีมเกือบทุกนัด ลงเล่น 26 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 4 ประตู จ่าย 5 แอสซิสต์

ประวัติการรับใช่ทีมชาติ

บรูโน่ เฟอร์นันเดส ได้เริ่มต้นการเล่นให้กับ ทีมชาติโปรตุเกส ครั้งแรก ในระดับเยาวชน เมื่อปี 2012 ในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จากนั้นก็ขยับขึ้นไปเล่น ในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี และรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี รวมทั้งรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 

จนกระทั่งปี 2017 ที่เจ้าตัวย้ายมาค้าแข้งกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก็ได้รับโอกาสสำคัญ เมื่อเขาถูกดันขึ้นไปเล่นให้กับ ทีมชาติโปรตุเกส ชุดใหญ่ เป็นครั้งแรก และได้ลงสนามเป็นเกมแรก เกมอุ่นเครื่องที่ โปรตุเกส เอาชนะ ซาอุดิอาระเบีย ไปขาดลอย 3-0 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2017

จากฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม ฟอร์มที่ร้อนแรงกับการเล่นให้กับ สปอร์ติ้ง ทำให้ บรูโน่ ถูก เรียกไปติดทีมชาติโปรตุเกส ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ทว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้เป็นตัวหลักให้กับทีมชุดนั้น จนมาฟุตบอลโลก 2022 บรูโน่ได้เป็นตัวหลักให้กลับโปรตุเกสเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นพาโปรตุเกสเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ต้องพ่ายให้กับโมร็อกโก 0-1 ทำให้ตกรอบ ฟุตบอลโลก 2022

ผลงานส่วนตัวของ มิโตมะ

ระดับสโมสร

สปอร์ติงลิสบอน

  • ตาซาดึปูร์ตูกัล: 2018–19

  • ตาซาดาลีกา: 2017–18, 2018–19

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

  • คาราบาวคัพ: 2022-23

ทีมชาติ

ทีมชาติโปรตุเกส

  • ยูฟ่าเนชันส์ลีก: 2018–19

เกียรติยศส่วนตัว

  • นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำเดือนของลีกโปรตุเกส (6 ครั้ง)
  • นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของลีกโปรตุเกส (7 ครั้ง)
  • นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของลีกโปรตุเกส ปี 2017/2018 , 2018/2019
  • ติดทีมยอดเยี่ยมของศึกยูโรปา ลีก ปี 2017/18 , 2018/2019
  • ติดทีมยอดเยี่ยมของศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ปี 2019
  • นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก (2 ครั้ง)
  • นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2019/2020
  • ดาวซัลโวศึกยูโรปา ลีก ปี 2019/2020

ติดตามผลบอลได้ที่ :: ผลบอลสด

ติดตามประวัตินักฟุตบอล :: ประวัติ มาร์ติน โอเดการ์ด